RSS

Monthly Archives: ตุลาคม 2013

กราบพระศพพระของประชาชน

.

..

รู้ช้าไปนิดหนึ่ง  

ตื่นมาแต่เช้า เช้ากว่าปกติ ที่ตอนนี้ทำตัวไม่ปกติด้วยการตื่นสาย

ตื่นมาแล้ว ไม่นอนต่อ ลงมาอาบน้ำ แล้วเปิดร้าน

พี่ชายลงมาราวๆ 7 โมงเช้า เวลาปกติของพี่ชายเค้า

ทราบเรื่องของสมเด็จพระสังฆราชที่จะทำการเคลื่อนพระศพจากโรงพยาบาลจุฬาฯ

..

.

ตรวจดูข้อมูล

ประตูร้านที่เปิดแล้ว แต่ยังไม่มีลูกค้าคนแรกเข้าร้าน นั่งต้มมาม่ารอเวลากิน

รีบหม่ำแล้วขึ้นมาตรวจหาข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ต

เป็นข่าวเมื่อวาน ทราบว่ากำหนดการเคลื่อนพระศพออกจากโรงพยาบาลจุฬาฯ ที่เที่ยงวัน

จุดหมายปลายทางอยู่ที่ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

..

.

บึ่งไปทันที

เมื่อข้อมูลถูกตรวจสอบจนเรียบร้อยแล้ว จึงบอกกับน้องสาวให้ลงมาเปิดร้าน

เกือบจะเก้าโมงเช้าแล้ว ลูกน้องมาหน้าร้านเตรียมจัดสินค้าออกแสดงตามปกติ

เมื่อเห็นดังนั้นจึงบอกกับลูกน้องว่า วันนี้มีธุระเปิดร้านไม่ได้ ให้รอน้องสาวมาเปิดร้าน

..

.

เดินไล่หาปลายแถวจนเกือบท้อ 

คำนวนคร่าวๆ ถึงจราจรบนท้องถนนที่อาจติดขัด ตัดสินใจมุดดินเพื่อออกที่สถานนี “สีลม”

จากครั้งที่เพิ่งมาถวายความเคารพองค์สมเด็จพระสังฆราชฉลองพระชัญษา 100 ปี

ทำให้เสียเวลาน้อยมากในการมุ่งตรงไปที่ ตึกวชิรพยาบาน ของโรงพยาบาลจุฬาฯ

นั่นเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีการกระจุกตัวของฝูงชน มีแต่แถวเรียงหนึ่งที่ไม่รู้ว่าปลายแถวอยู่ตรงไหน

เดินไปเรื่อยๆ หักไปหนึ่งโค้ง เดินไปอีก ยาวแบบหาไม่เจอปลายแถว

ชักจะหมดกำลังใจ บอกกับตัวเองว่า หากแถวยาวไปถึงหน้าถนนสีลมจะกลับบ้านตั้งหลักก่อน

ปลายแถวสิ้นสุดที่ตึก วชิรญาณ ไม่ไกลเกินจะส่งให้ตัวเองกลับบ้าน 

เมื่อเป็นใจอย่างนี้แล้ว ก็ตั้งหน้าตั้งตาเข้าคิว โดยไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะได้กราบพระศพ

..

.

เวลาที่รอคอย (กราบพระศพ) 

แถวที่เป็นระเบียบ ไม่มีการแทรก หรือแซง ทำให้ไม่เกิดการติดขัด ไหลเรื่อยๆ

คนมาทีหลัง โดยเฉพาะคนมึอายุหน่อย หากพอวิ่งได้ หลายคนวิ่งหน้าตั้งไปหาปลายคิว

นั้นแสดงว่า พวกเขาเหล่านี้น่าจะเป็นพวกที่เคยมาอวยพรวันฉลอง 100 ชัญษา

ไม่นานนัก ชั้นที่6 ที่เป็นที่ประทับของพระศพนั้นปรากฎอยู่ตรงหน้า

ห้ามถ่ายรูป … กฎกติกาที่ถูกละเลยเมื่อคราวก่อน แต่คราวนี้ ตัวเองปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

หน้าห้องกระจก เจ้าหน้าที่คนเดิมๆ กับพานถวายปัจจัยต่างๆ

ไม่มีเวลาให้ก้มกราบพระศพ เดินแล้วยกมือไหว้ ใครทำบุญให้รีบใส่

..

.

เดินวนกลับมาบอกองค์ท่าน

ไหว้ผ่านๆ ในกรณีนี้ ทำให้รู้สึกตนตระหงิดๆ ใจ

เพราะก่อนหน้าที่ตนจะทราบข่าวสิ้นพระชนม์ขององค์ท่านได้ไปที่วัดบวรฯ

เดินซื้อหาเหรียญที่ระลึก 100 ปี ได้เหรียญชินตะกั่วราคา 800 บาท มาหนึ่งเหรียญ

จากนั้นก็เข้าไปที่พระอุโบสถ กราบองค์พระประธาน (พระพุทธสุวรรณเขตและพระพุทธชินสีห์)

ตอนนั้นฝนทำท่าจะตกๆ ฟ้าดูครึ้มๆ ไม่รู้เป็นอะไรเกิดอารมณ์ที่สงบจนอยากนั่งสมาธิ

เวลาตอนนั้นราว 16 นาฬิกา …

นานเท่าไรไม่รู้ แต่สมาธิที่เกิดในตอนนั้นคือ น่าจะผ่านไปราว 1 ชั่วโมงได้

เหตุที่รู้เพราะลักษณะทางกายภาพของตนเวลานั่งสมาธินั้นจะเกิดอาการชาอย่างรุนแรงเมื่อตอนนั่งผ่านไป 1/2 ชั่วโมง

และจะนั่งแทบไม่ได้เมื่อผ่าน 45 นาที จนกระทั่งต้องคลายออกจากสมาธิ

แต่วันนั้น อาการการชาเริ่มจะปรากฎ แต่กลับไม่ปรากฎ เหตุนั้นน่าจะการนั่งที่ถูกท่า

ตอนนั้นองค์แห่งสมาธิดูเหมือนจะนั่งได้ตลอดรุ่ง แต่มีเหตุการณ์ที่ติดค้างใจหลายอย่างถ่วงอยู่

เช่น … กลับบ้านก่อนห้าโมงครึ่งเพราะตัวเองไม่ได้นำกุญแจบ้านมา ไม่ต้องการเดือดร้อนพี่น้องต้องให้ลงมาเปิดประตูให้

หรือ ในพระอุโบสถต้องปิดประตูตามเวลาที่ประกาศไว้เป็นกิจปกติ ฯลฯ

สรุปแล้ว เลยต้องออกจากสมาธินั้นไปเมื่อเวลาราวๆ 17:15

..

.

เพิ่งทราบเวลาสิ้นพระชนม์ของสมเด็จญาณฯ 

..

.

.

.

.

.

 

  

 
ใส่ความเห็น

Posted by บน ตุลาคม 25, 2013 นิ้ว ชีวิตประจำวัน

 
ข้างเคียง

.

..

วันที่ 6 ตุลาคม 2556 คืนวันอาทิตย์ ไม่มีพ่อค้าแม่ขายมาวางของขายที่หน้าร้าน

วันนั้นฝนตกหนัก ตกยาวเรื่อยมาแต่เที่ยงวัน อากาศเย็นสบาย กำลังน่านอนนัก

อยู่ดีๆ เวลาประมาณ 23:30 น. จนเกือบๆ เที่ยงคืนของวันนั้น เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว

ไฟที่บ้านเกือบจะดับทั้งบ้าน ดีแค่เกือบมืดลง แต่สุดท้ายก็สว่างเหมือนปกติ

..

.

สิ้นจากเสียงนั้น ไม่ได้สนใจโผล่ออกไปมองหา ต้นเหตุแห่งเสียงนััน

ทิ้งไว้สักครู่ใหญ่ ราวๆ 5 นาที จึงเกิดสงสัยขึ้น โผล่ออกไปนอกหน้าต่าง

มองไปตรงด้านกันสาด นั้นมันดวงไฟดวงเบ่อเริ่มอยู่ตรงข้างบ้านไม่ใช่เหรอ?

วิ่งหน้าตั้งลงไปข้างล่าง ควันไฟเริ่มลุกเข้ามาในตัวบ้านราว 3 เมตรแล้ว

..

.

บันไดเหล็กเอามาตั้งไว้กลางซอย ตำแหน่งตรงมิเตอร์ไฟ

เปลวไฟดิ่งเข้ามาทางบ้านของผมเองแล้ว มีแต่ตัวเปล่า ถังดับเพลิงสักถังก็ไม่มี

รีบวิ่งไปกดกริ่งเจ้าของบ้านต้นเพลิงหลังนั้น ซึ่งเป็นผู้เฒ่าอาศัยอยู่ถัดไปอีก 3 – 4 หลัง

ไม่มีเสียงตอบรับ คนในซอยเล็กข้างๆ เดินออกมา บ้านข้างๆ โผล่ออกมาดู

ผมตะโกนไปว่า ออกมาช่วยหน่อย ไฟลุกเร็วมาก ……เร็ว

..

.

สิ่งถัดไปที่ทำคือโทร 191 แต่กว่าจะติดแบบมีคนรับสาย ไม่ทันกาล โยนให้กับพี่ชายคุยต่อ

ส่วนตัวผมเองเดินไปหยิบ กางเกงสามส่วน ผ้าคล้ายยีนส์ มาทำการดับไฟ

ตบไฟทีหนึ่ง ไฟมอดไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ลุกพรึบติดขึ้นมาอีก เรียกว่า ดับปุ๊ปติดปั๊บ

ตบอยู่ตรงนั้นนานหลายนาที ข้างบ้านเริ่มนำสายยางมาต่อน้ำก๊อกที่อยู่หน้าบ้าน

คุณแม่เดินออกมา ผมก็หยิบโทรศัพท์อีกเครื่องที่ต่อ 191 ให้คุณแม่คุยต่อ

..

.

ไม่สนใจใครทั้งนั้น ผมเดินกลับไปยังตำแหน่งเดิมเพื่อตบดับไฟต่อ

น้ำที่ต่อสายยางพร้อมใช้แล้ว แต่พอน้ำถูกฉีดออกมา มันน้อยอย่างกะเหยี่ยวหมา

ดูแล้วใช้การไม่ได้เลย  แต่ดีกว่าไม่มีให้ใช้!!!!

เมื่อมีคนมาแทนที่ จึงมีเวลาหายใจหายคอ เดินเข้าบ้านอีกที ควันไฟเต็มบ้านเลย

..

.

ไม่นานนักถังดับเพิลงถูกนำออกมา ไฟก้อนใหญ่ตรงมิเตอร์ไฟจึงดับลง

บ้านหลังต้ันเพลิงมีคนอยู่ เพิ่งจะทยอยกันลงมา เดินออกมาดูเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นหน้าบ้านตน

สักพักใหญ่ ตำรวจท้องที่มาถึง 2 นาย ตามมาติดๆ เป็นหน่วยตัดไฟของการไฟฟ้า

มาแล้ว ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก ประเมินสถานการณ์หลังไฟดับ

ส่วนการไฟฟ้านั้น พยายามจะหาที่ปีนขึ้นไป เพื่อตัดไฟสายที่ลุกไหม้

แต่ขึ้นไปไม่ได้ เพราะมีการต่อเติมทำกันสาดกันแน่นจนไม่มีช่องว่างให้ปีนขึ้นได้เลย

ประเมินที่แรกคร่าวๆ โดยรวมๆ แล้วให้ความเห็นว่า “ไม่มีเหตุปะทุขึ้นมาอีก ..”

..

.

แต่จนแล้วจนรอด เหตุปะทุดังขึ้นมาอีกขึ้นหนึ่ง …… บึ้ม แล้วดับไป

นั้นจึงเป็นเหตุที่ทำให้พนักงานการไฟฟ้าต้องหาจุดตัดไฟจุดในจุดอื่นแทน

ไม่นานนัก สายไฟเส้นหลักที่ต่อเข้าบ้านนี้ได้ถูกตัดออกไป ส่งผลกระทบให้ไฟบ้านอื่นดับลงอีกหลายหลัง

..

.

เรื่องราวเคลียร์เรียบร้อย เสร็จสิ้นตอนตีสองครึ่งของวันใหม่

สบายใจกันทุกฝ่าย ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับเข้าไปนอนพักผ่อน

..

.

รูปภาพ

อันนี้คือสภาพของหม้อแปลงที่ถูกระเบิดและเผาไหม้ หมดสิ้น ไม่เหลือแม้แต่ซาก

แต่เช้าตรู่ พนักงานการไฟฟ้าอีกกลุ่มก็มาต่อเชื่อมโยงสายที่ตัดออก

ทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ เว้นแต่บ้านหลังที่เป็นปัญหา ยังต้องเดินไฟชั่วคราวเข้าบ้านเพื่อใช้ไปพลางๆ ก่อน

แบบว่า การไฟฟ้าจ่ายไฟให้ใช้ฟรี เป็นต่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่มิเตอร์ของการไฟฟ้าเกิดระเบิด

..

.

OLYMPUS DIGITAL CAMERAOLYMPUS DIGITAL CAMERA

ไฟไหม้ข้างบ้าน

 
ใส่ความเห็น

Posted by บน ตุลาคม 10, 2013 นิ้ว ชีวิตประจำวัน

 

ด้วยพันธแห่งมิตร

.

..

แม่ค้าและพ่อค้าสองคนช่วยกันขายผลิตภัณฑ์จากระยอง

แน่นอนว่าต้องมีทุเรียนทอดสีเหลืองกรอบหอมมันวางเรียงเป็นห่อๆ ไว้

ห่อละ 150 บาท เป็นเนื้อชิ้นใหญ่ๆ ถุงเล็กหน่อย ห่อละ 200 บาท เป็นเนื้อชิ้นเล็กๆ

ของชอบของเพื่อนคนจีนที่รู้จักมันคุ้นกันดี อีกไม่กี่วันก็จะบินไปหาเธอแล้ว

เมื่อเห็นของที่เธอชอบกิน จึงสำรวจเงินในกระเป๋าปรากฎว่ามีเหลือ 900 กว่าบาท

เงินติดตัวไป หนึ่งพันกว่าบาท ไม่เกินหนึ่งพันหนึ่งร้อยบาท มันถูกแลกเป็นส้มบางมด 1 กิโลกรัม ราคา 120 บาท

ภาระกิจที่ต้องทำหลังจากที่ได้ไปลงนามถวายพระพรสมเด็จพระสังฆราชฯ 100 พรรษา

ได้หนังสือธรรมมาหนึ่งเล่ม เรื่อง “จิตนคร” และโปรเตอร์ของพระองค์ท่านหนึ่งรูป

..

.

จากวัดบวรฯ เดินมาเรื่อยๆ ถึงบ้านพระอาทิตย์ ที่นั้นกำลังจัดงานรำลึก 7 ตุลาฯ

ตั้งใจจะไปซื้อน้ำมันมะพร้าวสกัดบริสุทธิ์ ที่คุณปานเทพพึ่งจะออก

และคราวนี้ได้แถมบรรยากาศที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นการปราศัยบนเวที  การขายของที่ระลึก

ที่สำคัญคือสินค้าต่างๆ ของเพื่อนๆ พี่น้องที่หยิบเอามาค้าขายไว้เป็นทุนในการดำเนินชีวิตกัน

พวกเขายังดูน่ารัก สดชื่นเหมือนเดิม อารมณ์เดิมๆ มีมาให้สัมผัสอีกครั้งหนึ่ง

..

.

เห็นทุเรียนทอดกรอบแวปแรกก็ดิ่งเข้าไปหา เมื่อทราบราคาแล้วจึงขอตัวไปหาน้ำมันมะพร้าวก่อน

ได้น้ำมันมะพร้าวมาสมใจ ราคาขวดนิดเดียว 150 บาท ราคานี้ควักจ่ายเพื่อความตั้งใจของทีมงาน

เงินที่เหลือในกระเป๋าก็ตรงดิ่งมาที่ร้านทุเรียนทอดกรอบ หยิบเงินออกมาทั้งหมดที่มีอยู่

800 บาท ซื้อได้เท่าไร แม่ค้าหยิบถุงละ 200 มา มันก็จะได้ 4 ถุงพอดี

แต่สินค้าที่อยากได้คือ ทุเรียนชิ้นใหญ่ๆ ราคา 150 บาทต่อถุง

เมื่อเป็นอย่างนี้ความไม่ลงตัวจึงเกิดขึ้น …

200 บาท 2 ถุง 150 บาท 2 ถุง แม่ค้ากำลังคิดว่าจะทำอย่างไร

ส่วนผมก็นึกลุ้นว่าแม่ค้าจะคิดหยิบของทอนให้หรือเปล่า?

หากซื้อกันอย่างนี้มันไม่ใช่แน่ๆ ไม่ได้บรรยากาศ

ผมเลยควักปลิ้นกระเป๋ากางเกงออกทั้งสองข้าง เหลืออยู่อีก 30 บาท

แล้วก็หยิบเหรียญ 10 เพิ่มขึ้นมา ส่วนเงิน 20 บาทนั้น ให้ไม่ได้ เพราะเป็นค่ารถ

แม่ค้าคงไม่ใจดำให้ผมเดินกลับบ้านน่ะ

..

.

แม่ค้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็หยิบถุง 150 บาทใส่ลงไปให้ แล้วบอกเสียงดังแทรกผ่านลำโพงของเวทีปราศรัย

มันขาดทุนน่ะนิ แต่ว่า “พันธมิตร” น่ะ ……

พอได้ฟังก็อึ้งรู้สึกดี เลยหยิบโปสเตอร์ของสมเด็จพระสังฆราชแผ่นราวๆ A4 ให้แม่ค้า

แม่ค้ารับรูปไปพร้อมพนมมือยกขึ้นท่วมหัว พอผมเห็นการแสดงออกอย่างนี้ของแม่ค้า

หนังสือเรื่อง “จิตนคร” ขนาดเล่มแบบปกอ่อนเล่มที่พึ่งได้มา ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้แม่ค้า

ผมบอกแม่ค้าว่า ให้หมดตัวเลยนะนิ แล้วเทกระเป๋าออกมาให้แม่ค้าดู

พอแม่ค้าเห็นดังนั้น ก็หยิบขนมมาหนึ่งถ้วย แล้วบอกว่าเป็นมังคุด (กลับมาถึงบ้านถึงรู้ว่าเป็นมังคุดกวน)

ผมไม่ได้ดูอะไรมาก แล้วส่งยิ้มให้ด้วยความอิ่มใจ ที่ผมยังคงหาบรรยากาศเก่าๆ ได้

บรรยากาศของการซื้อขายสินค้าในแบบที่พอใจให้กันไปมาในรูปแบบนี้ มันหาไม่ได้ง่ายๆ ในยุคปัจจุบันน่ะ

ไม่ต้องพูดกันถึงเรื่องราคา จะได้กำไรหรือจะขาดทุนกันอย่างไร ศาสตร์ทางธุรกิจที่เรียนมาในระดับ เอ็มบีเอ ถูกโยนทิ้งไป

มันไม่ใช่ประเด็นในสมองเลย มันไม่ใช่ของดีๆ ที่ควรมีให้

ของดีดีที่ควรมีให้กันนั้น ไม่ต้องจ่ายด้วยราคา ให้กันไม่ได้ง่ายๆ แต่ให้กันแล้ว มันอิ่มใจ

ไม่ใช่อะไรอื่นแหละ มันคือ “พันธแห่งมิตร” ของพันธมิตรที่มีให้กัน

..

.

 
ใส่ความเห็น

Posted by บน ตุลาคม 7, 2013 นิ้ว การเมือง

 

เรื่องดีๆ ในวันครบรอบ 100 ปีสมเด็จพระสังฆราส ณ รพ จุฬาฯ

Image

วันนี้ ๑๐๐ ปี สมเด็จพระสังฆราชฯ มีโอกาสได้ไปเฝ้าอย่างใกล้ชิด ที่ รพ.จุฬาฯ ชั้น ๖ ตึกวชิรพยาบาร

การเข้าเฝ้าต้องได้รับบัตรคิวก่อน งวดนี้ได้ที่เบอร์ ๑๐๓๑

ไปแต่เช้าตอน ๘ โมง ไม่ได้คิว ๑๐๐๐ คนแรก เลยต้องมาอีกทีตอนก่อนบ่ายโมง เพื่อจะได้คิวที่ ๑๐๐๐ คนรอบสุดท้าย

Image

พอเข้าเฝ้าเสร็จ ถ่ายรูปพระองค์ท่านได้สำเร็จ

Image

ตอนกำลังจะลงไป ได้ยินเสียงตะโกนของพวกพยาบาลที่ดูแถวว่า “หลวงปู่สุภา” มา

ผมฟังแล้วก็งงๆ แต่ก็วนขึ้นไปใหม่อีกรอบ เพื่อดูให้แน่ใจ ตัดสินใจถ่ายรูปพระภิกษุองค์นี้ตอนกำลังจะออกมาจากห้อง

Image

สักพักหนึ่ง พระรูปนี้เดินออกมาข้างนอก เลยก้มกราบแทบเท้า และขอให้คนข้างๆ ช่วยกดชัตเดอร์ให้

Image

นั่งเขกกะโหลกคนที่ต้องการให้ท่านเขกอย่างครบหัว สักพักใหญ่ พระรูปนี้ก็ลงไปทางลิฟต์ (ขาขึ้นเดินขึ้นมา)

ถึงตอนนี้ ผมยังไม่รู้จักชื่อพระภิกษุองค์นี้เลย แต่ที่แน่ๆ รู้ว่า ไม่ใช่หลวงปู่สุภาอย่างที่บอกกันมาแต่แรก

อีกนานหลายนาที จนเกือบชั่วโมงถึงได้ลงไปข้างล่าง เจอหลวงปู่องค์นี้อีก

คนที่รออยู่ข้างล่างต่างให้ความเคารพกันอย่างเนื่องแน่น ….

Image

หลวงปู่องค์นี้ เดินไปโดยมีศิษย์ประจำกายประคองท่านไปเรื่อยๆ ท่านก็เอาไม้เท้ายื่นไปแตะที่ศ๊รษะของคนที่อย่างให้ท่านเขก

Image

เมื่อโอกาสยังมี ก็นั่งถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ แต่ก็ไม่วายที่ไม้เท้าของหลวงปู่ยังมาสัมผัสกบาลตนอีกครั้ง

……เรื่องศีริมงคลของกบาลนะนิจะห่วงว่าโดนมากไปใย ……

Image

Image

เจอแล้วต้องจาก สัจจธรรมที่ไม่มีใครหลีกพ้น …… แล้วหลวงปู่ก็ขึ้นรถเทคซี่จากไป

ทิ้งไว้แต่เพียงชื่อ ที่ต้องให้ไปตามค้นหาต่อจากคนที่บอกต่อๆ กันมาว่า

หลวงปู่สุวิทย์  แห่งวัดบุดดา จังหวัดสิงห์บุรี อายุ 76 ปี (ใครรู้ ช่วยยืนยันด้วยครับ)

Image

Image

 
ใส่ความเห็น

Posted by บน ตุลาคม 3, 2013 นิ้ว ชีวิตประจำวัน