RSS

Category Archives: เอาขอบฟ้ามาไว้ที่ปลายตา

อีกครั้งกับเสฉวน

.
..
แม้จะจากเสฉวนมากว่า 4 เดือน แต่ความประทับใจยังไม่รู้คลาย
เสฉวน เมืองที่มีเสน่ห์ ปีที่แล้วค้นหา “ฮั่วหลง” ถิ่นกำเนิดตามธรรมชาติของแพนด้า
ไปตามหาฝัน กลับเจอทางวิบากที่เกิดจากแผ่นดินไหวในหลายปีก่อนโน้น
มาวันนี้มีข่าวจากเสฉวนที่หาอ่านได้จาก นสพ. ที่วางขายในเมืองไทยนั้น
เรื่องราวของข่าวมีน่าชื่นชมและน่าหลงใหลเห็นมอยู่ 2 ข่าว

ภาพนี้เป็นภาพสะพานอายุเกิน 100 ปี สร้างในสมัยราชวงศ์หมิง
ทางคมนาคมยังไม่สะดวก เข้าถึงไม่ได้ง่าย ๆ คงได้แต่นึกฝันไปก่อน
..
.

ส่วนเจ้าลูกแพนด้าน้อยที่เรียงตัวนอนในที่นอนนี้
ส่วนหนึ่งเกิดจากบรรดาแม่ๆ แพนด้าที่ได้ไปเห็นตอนเดือน 6
ตอนนั้นห้องนี้ยังไม่เปิดให้ชม เพราะยังไม่ถึงกำหนดคลอด
มาวันนี้คลอดออกมาแล้ว น่ารักจัก
หากได้อยู่ปรนิบัติเจ้าเบบี้พวกนี้ คงจะมีความสุขไปทุกนาทีที่เคลื่อนผ่านแน่ ^^
..
.

 

ความเบื่อบนความอยาก

.
..
หลังจากอ่านเนื้อหาเตรียมเที่ยวอย่างตาตั้งไปหลายวัน
อยู่ดีๆ มันก็เกิดอาการถดถอยทางอารมณ์
ทั้งๆ ที่อยาก มันก็เบื่อไปซะอย่างนั้น และพอตอนเบื่ออย่างนี้
คุณแม่ก็โพลงออกมาว่า “วีซ่าเข้าจีนให้ไปขอที่ฮ๋องกง”
แสดงว่า ตัดขั้นตอนไปการขอวีซ่าในไทยไปหนึ่งขั้นตอน
เหลือแต่เพียงแค่ไปซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วก็จัดกระเป๋าไปได้เลย
เมื่อเป็นอย่างนี้ก็แสดงว่า จะไปเมื่อไรขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคนซื้อตั๋วฯ
…. เมื่อไหร่ซื้อก็เป็นเมื่อนั้นไป
..
.
เตรียมให้พร้อม ทำตัวเองให้ว่าง
อย่าให้มีอะไรมารัดตัวเอง แต่งานประจำก็ต้องไม่พร่อง …..
จะว่าไปการเตรียมทำการบ้านก่อนจะไปเที่ยวนั้น
ไม่ถูกโฉลกเอาซะเลย เพราะมันไม่ตื่นเต้น
อีกทั้งมันอีกโอกาสสูงมากที่จะทำให้สิ่งที่วางทำได้ไม่หมด ทำไม่สำเร็จ
การไปแบบไม่ได้เตรียมตัวอะไรไปมากมาย มันทำให้ทุกวันมันคือสิ่งใหม่ๆ เสมอ
ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี มันใหม่ไปหมด ความไม่คาดฝันหรือความไม่อาจคาดการณ์ได้ ฯลฯ
…..ตื่นเต้นดี
..
.
เมื่อการเที่ยวครั้งนี้เป็นการวางแผนล่วงหน้า ความเบื่อทางอารมณ์ก็มาได้ง่ายๆ อย่างนี้มั้ง?
ไม่ถูกโฉลกอย่างไรก็หยิบมาอ่านอยู่ดี ตอนนี้อ่านไปถึงเมือง ฉ๋งชิ่ง เมืองที่ติดกับเมืองเสฉวน
ในหนังสือเขียนโฆษณาว่า “เมืองแห่งหญิงงามที่พบเห็นได้ทั่วไปในท้องถนนของเมือง”
ด้วยเหตุนี้ คนที่แต่งงานแล้วมาถึงเมืองนี้ ก็ต้องรำพันกับตัวเองว่า ไม่น่ารีบแต่งงานก่อนเลย
เอิ๊ก …. ถ้าด้วยโฆษณาอย่านี้ ก็ต้องถือว่าตัวเองโชดดีสิ …. อิอิ
..
.
พอตกเย็นของวันนี้ ก็มีหนุ่มสาวจีนอายุราวๆ 20 ต้น มาจากเมืองกวางสี
เดินเข้าร้านมาเสนอสินค้าให้ พูดถึงเมืองกวางสี มันก็เป็นเมืองที่สวยงามอีกเมืองหนึ่งของจีน
… น้ำ ทะเล ภูเขาและต้นไม้ ไม่มีตึกสูงมาบดบังบรรยากาศ
เมืองนี้ติดกับเมืองกวางโจว เป็นเมืองที่คุณแม่อยากไป จะไปหามหาลัยให้น้องสาวเรียน
ปรับเปลี่ยนโยกถ่ายพฤติกรรมอันเฉื่อยเฉะ
มันก็จริงน่ะ ….. อยู่เมืองไทยที่มันเฉื่อยแฉะเสียจริงๆ ทุกอย่างมันดูเหมือนจะอิ่มตัวไปหมด
..
.
ต้องไปหาตัวทำละลายเพิ่มขึ้น ให้ละลายความเฉื่อยแฉะของตัวเองให้หมดไป
วิธีที่ดีที่สุด ก็ด้วยการเปลี่ยนบรรยากาศ กระตุ้นต่อมความกระตือรือร้นของตน …. เมืองจีนไง?
การปฏิสัมพันธุ์ระหว่างกัน มักจะมีการถ่ายทอดของพลังงานให้แก่กันและกัน ไม่มากก็น้อย
หากไม่ยกระดับความกระฉับกระเฉงของตนให้ขึ้นมา โอกาสที่จะฟังสองคนนี้ไม่ทัน
และจะเสียเปรียบในการเจรจาทางการค้า ก็มีสูง
ยังดีนะที่ยังทัน เลยให้พวกเขากลับไปทำการบ้านให้เหมาะสมกับลักษณะทางการค้าของที่นี้
..
.
พูดไปพูดมา ก็น่ะ ….
พลังชีวิตของคนจีนมันมากมายเหลือเกิน ไม่รู้คนพวกนี้มันเอาพลังงานอย่างนี้มาจากไหน?
ความอยากไป ความกระฉับกระเฉงก็เกิดขึ้นนิดหน่อย จากที่ได้สนทนากับหนุ่มสาวชาวจีนคู่นี้
แต่ความแฉะเฉื่อยของตนจะแพร่ไปให้กับคู่สนทนาหรือเปล่า ยังไม่อาจจะรู้ได้ ต้องดูอีกยาว

 
 

เพ้อเจ้อ (นานๆ ที)

.
..
เมื่อวานขณะนั่งรอการทำเรื่องที่ธนาคาร ก็มีโอกาสหยิบหนังสือเล่มเล็ก ของ กรุงเทพธุรกิจ
ข้างในมีแต่รายการทัวร์เต็มทั้งเล่ม มีญี่ปุ่น รัสเซีย ยุโรปตะวันออก
ราคาทัวร์ ก็ระดับ 5 หมื่นบ้าง 8-9 หมื่นบ้าง เวลาพาทัวร์ประมาณ 5-7 วัน
ดูแล้วก็นึกจินตาการเล่นๆ ว่า หากจะไปทั้ง 3 ประเทศนี้ ต้องใช้เงินราวๆ 3 แสนบาท

วู้ …. เยอะน่าดูเลย
3 แสนบาท กับเวลาราวๆ 3 อาทิตย์ ทำเงินให้ตายก็ไม่ได้เท่านี้
คงต้องเก็บกันเป็นปีกว่าจะได้ เก็บได้แล้ว ก็ละลายไปใน 3 สัปดาห์
เป็นการผลาญเงินที่เร็วเกินกว่าการทำมาหาได้ ….มากเกินกว่าจะรับได้
..
.
หากคิดจะเล่นตามทัวร์นี้ สงสัยต้องจน อดทานข้าวไปอีกหลายๆ มื้อแน่ๆ
ลองเปลี่ยนแนวคิดตามวิถีเที่ยวของตัวเองดีกว่า
คราวนี้ก็ลองคิดเล่นๆ ว่า หากไปในทีเดียวหล่ะ 3 ประเทศนี้ มันอยู่ติดๆ กันนิน๊า
จะเป็นแบบค่อยๆ ไต่ขึ้นภาคเหนือ ทะลุเชียงราย ไปคุนหมิง
ขึ้นไปเรื่อยๆ แวะเสฉวน ออกทิเบต แวปออกอินเดีย ไปยุโรปตะวันออก แล้วขึ้นเหนือทะลุขึ้นรัสเซีย
ต่อเรือดิ่งลงใต้ไปญี่ปุ่น ลงเกาหลี เข้าจีนอีกครั้ง ……
แล้วดิ่งผ่านเวียดนาม เข้าลาว ไปกัมพูชา แล้วก็ถึงบ้านที่ กทม.
เงินสามแสนนี้น่าจะใช้เที่ยวได้หมดแน่ๆ
..
.
ปัญหาถัดไปคือ เอาเวลาไหนไปเที่ยวแบบไม่ลืมหูลืมตาอย่างนี้???
ยังไม่มีปัญญาตอบตอนนี้ ………
คิดได้แต่ว่า ยังไม่ลืมคำโฆษณาเก่าๆ ที่เคยว่าไว้ว่า “คิดให้ไกลแล้วไปให้ถึง”
แต่กว่าจะไปถึง ก็ขอเพ้อเจ้อ แบบเรื่อยเปื่อยอย่างนี้ก่อน แม้จะนานๆ ทีก็ตาม…….

…………. ^(ชอบจัง)^ ………….

 

จวนมีคำตอบแล้ว

..
.
จิ่วไจ่โกว … ดินแดนแห่งน้ำหลากสี งามตามธรรมชาติ แหล่งธรรมชาติงาม
ตั้งอยู่ในมณฑลเสฉวน ไปโดยทาง  เข้าทางสนามบิน เข้าทางรถไฟแล้วต่อบัส
ราคาค่ายานพหนะบนดินกับบนฟ้านั้นก็แตกต่างกันมากมาย ราวๆ 5  เท่า
เวลาที่ใช้ ต่างกันมาโข … นั่งเครื่องบิน 45 นาที จากตัวเมืองเฉิงตู
แต่หากจะนั่งรถก็ราวๆ 10 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 300 – 700 กิโลเมตร
..
.
ใกล้ไกลต่างกัน ทางดิน ทางลาดยาง ไต่เขา อ้อมเขา  มีให้เลือกถึง 6 ถนน
คลิกดูภาพ 九寨沟 (Jiuzhaigou จื่วจ้ายโกว)
สถานที่ท่องเที่ยวที่บริษัททัวร์หนึ่งพาดหัวไว้ว่า”ปลาว่ายบนฟ้า นกบินในน้ำ”
เป็นโบชัวร์ที่เกือบทำให้ต้องเสียตังค์ไปราวๆ 3000 หยวน
กับการเที่ยว 4 วันในตอนเยือนกวางโจวเมื่อครั้งที่แล้ว
..
.
โชคดีที่ไม่ได้หลับหูหลับตาจะไปให้ได้ กลับมาตั้งหลัก
แล้วรวบๆ สถานที่ทั้งหมดรอบๆ บริเวณนั้น เช่นภาพ ทะเล 5 สี คลิกดู ภาพ 五色海
หลายคนไปแล้วบอกว่า มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก หาที่ไหนเหมือนไม่ได้
..
.
ไม่รู้ว่าจะจริงหรือไม่ เพราะพอเห็นภาพพวกนี้แล้ว
ทำให้คิดถึง yellow stone national park (WY Usa) ตะหงิดๆ
..
.
มันต่างกันในรายละเอียดมากอยู่
ตั้งแต่บ่อกำมะถันที่โชยกลิ่นไข่เน่าออกมา
แต่ภาพที่เห็นนั้นสวยงามหลากสีมากอย่าง yellowstone basin (บ่อสีกำมะถัน)
หรือสัตว์อย่าง ไบซั่น Bison (ควายป่ามะกัน)
หรือ น้ำพุร้อนที่พุ่งจากใต้ดิน เป็นเวลาๆ (ราวๆ 30 นาที ถึงหลายๆ ชั่วโมงครั้ง)  old faithful
หรือ  tower fall yellowstone (น้ำตก)
สวยจนต้องไปเยือนอุทยานแห่งชาติ yellowstone ถึง 2 ครั้ง
ดังนั้น 九寨沟  (Jiuzhaigou จื่วจ้ายโกว)
สถานที่ที่รอคอยมา 10 กว่าปี จะไปเหยียบครั้งแรกเมื่อไร?    ^^
..
.

 

วิถีเที่ยว

..
.
การเดินทางในต่างแดน
ค่าใช้จ่ายที่มากที่สุดก็คงไม่พ้นค่าเครื่องบินและค่ายานพาหนะต่างๆ 
รองลงมาก็เป็นค่าที่พักและอาหาร สุดท้ายก็เป็นค่าธรรมเนียมการเที่ยวต่างๆ
..
.
ดังนั้นพอตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว ต้องไปให้ทั่ว
ไปให้คุ้มด้วยการเฉลี่ยราคาตั๋วฯ กับเวลาที่สามารถนำออกมาได้
เฉลี่ยให้เหลืออัตราส่วนต่อวันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
..
.
เนื่องจากไม่ได้เป็นคนที่มีอัตราการทำเงินต่อเวลาได้สูงมากนัก
การใช้จ่ายจึงต้องระมัดระวัง ไม่ให้เกินตัว
ไม่เกินตัวจึงต้องควบคุมตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ของตนให้ได้
ไม่ให้ตามใจอยากมากนัก
กระเบียดกระเสียดในช่วงแรกๆ แล้วปล่อยให้สบายในช่วงหลัง
..
.
เมื่อหาค่าเฉลี่ยที่ต่ำที่สุด ของวันที่ต้องใช้เที่ยวกับค่าตั๋วเครื่องบินได้แล้ว
การเที่ยวแบบยาวๆ นั้น ต้องใช้จ่ายเงินให้น้อยที่สุดเพื่อให้เหลือเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
เงินที่ใช้ให้น้อยที่สุด คือกินอยู่ให้เหมือนกับชาวเมืองในย่านนั้นๆ
ชาวเมืองกินใช้ทำอะไร เป็นอยู่อย่างไร ก็กินใช้ทำและอยู่อย่างนั้น
เป็นอยู่อย่างนั้น สั้นๆ ก็คือ ไม่มากเรื่อง
..
.
ส่วนเงินที่ต้องมีไว้เป็นสำรอง
อย่างน้อยๆ ต้องมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของราคาสินค้าและบริการที่ได้ใช้ไป
กันไว้ เผื่อเวลาไปสถานที่ที่ไม่คาดฝัน แล้วจำต้องพักกินในสถานที่ที่หรูผิดปกติ
เจอเข้าอย่างนี้ก็ต้องมีปัญญาจ่าย…
..
.
สิ่งที่ต้องระวังอย่างมากคือสุขภาพ
โดยเฉพาะการเจ็บไข้ได้ป่วย ปวดหัวตัวร้อน หากเป็นขึ้นมาหมดสนุก
ค่ารักษาพยาบาลต้องมี จะได้ไม่ต้องรักษากันตามยถากรรม
คิดภาพไม่ออกหากต้องตกอยู่สภาพอย่างนี้ในต่างแดน
..
.
สุดท้ายก็คือ การรู้จักให้รางวัลกับชีวิต ด้วยการกินของหรูๆ อาหารดีๆ สักมื้อสองมื้อ
แม้จะหรูอย่างไร ก็ต้องไม่กิน ใช้อย่างลืมตัว เงินยังต้องมีอยู่เผื่อการที่ไม่คาดฝันอีก
..
.
บัตรเครดิต ลืมไปได้เลย
เพราะมันอาจจะมีปัญหาของการติดต่อสัญญาณระหว่างธนาคารกับธนาคาร
หากเป็นอย่างนั้น รับรองปัญหาต่างเข้ามารุมแน่ๆ … เงินสดในตัว สำคัญที่สุด
เงินในตัวจะมีมากก็ไม่ได้ จะมีน้อยก็ไม่ดี อะไรๆ มันดูต้องระมัดระวังไปหมดทุกอย่าง
..
.
แต่หากถามจริงๆ ว่า นอนที่หรูนั้น ไม่ได้ปรารถนามากมายอะไรเลย
นอนไปก็เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธการนอน หากมันต้องนอน
ที่พักที่เคยพักแพงที่สุดอยู่ระดับ 200 เหรียญขึ้น
หรูเลิศในวนอุทยานของแคนนาดา (ไม่มีตัวเลือกให้เลือกเพราะมีอยู่โรงแรมเดียว)
อีกที่หนึ่ง ก็เป็นในนิวยอร์ก หาที่พักเอาตอนตะวันตกดินไปแล้ว
เลยจำต้องได้อะไรก็นอนอย่างนั้น (ตอนนั้นอัตราแลกเปลี่ยนราว42 บาทต่อเหรียญ)
..
.
นอนแล้วไม่ได้ขึ้นสวรรค์เลย
สู้การไปนั่งอยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาติไม่ได้ นอนกับดินและหญ้า
หลับตาสักตื่น หรือนั่งให้หายเมือยสักระยะหนึ่ง กับอากาศที่บริสุทธิ์
แล้วออกเดินทางต่อ หรือกลับเข้าห้องพักเพื่อ อาบน้ำ ล้างตัว เท่านั้น
..
.
ส่วนที่พักที่ห่วยที่สุดเท่าที่นอนมา
ครั้งแรกอยู่ที่ นิวเจอร์ซี่ วนหาที่พักจนถึงตีสองตีสาม
หาห้องพักไม่ได้สักห้อง จนในที่สุดได้อยู่หนึ่งห้อง เข้าไปก็ไม่รู้อะไรเป็นอะไร
ขับรถมาสิบกว่าชั่วโมง เหนื่อยแบบถึงหมอนก็หลับ ตื่นขึ้นมา มันอะไรนี้ สกปรกสุดๆ
ค่าห้องโสโครกห้องนี้ ก็ไม่ถูก 40 กว่าเหรียญต่อคืน (หลับไปไม่ถึง 6 ชั่วโมงก็ไปต่อ)
มันดีกว่าที่ต้องนอนบนรถ ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส
..
.
จบไปได้ดีสำหรับครั้งเปิดซิงความห่วยของห้องพัก
แต่ยังมีครั้งที่สอง เมื่อตอนเที่ยวเชียงใหม่
ตอนนั้นได้ค่าห้อง 200 บาทต่อคืน พอจ่ายตังค์แล้ว เข้าห้องก็เจอกลิ่นเนยเน่า
บอกให้บริกรมาทำความสะอาดก็ไม่มีคนมาทำ เปลี่ยนเครื่องนอน ล้างห้องน้ำ
ปรากฎว่าไม่มีใครมาทำ ดึกแล้วน๊า ทำอะไรไม่ได้แล้ว
นอกจากนอนแบบหลับๆ ตื่นๆ เพราะกลิ่นเนยเน่านั้น
เที่ยวมาเป็นร้อยๆ คืนพลาดไปแค่ 2 คีน
..
.
สองครั้งนี้เป็นประสบการณ์สุดซึ้งติดตรึงใจจนถึงทุกวันนี้
ประทับใจกว่าการพักในโรงแรมสองคืนในราคาคืนละหลายร้อยเหรียญนั้นอีก(ฮา)
..
.
ปล. แต่การเที่ยวรอบใหม่นี้ จะต้องพาแม่ไปออนทัวร์ด้วย
จึงต้องทำการบ้านอย่างสนุกสนาน และต้องเอาใจคุณแม่อย่างสุดฤทธิ์
ไม่งั้นเดี๋ยวแม่หน้าบึ้ง ไม่สบอารมณ์ การเที่ยวนั้นจะตกอยู่ในสภาพห่วยแตกเลย  
…. *()* ….

 

ปลุกผี…เดินทาง

..
.
เสื้อผ้า กางเกงเก่าเก็บแต่สมัยเที่ยวมะกัน
ถูกขุดออกจากตู้เสื้อผ้า เพื่อต้อนรับอากาศหนาวที่จะมาถึง
ไม่ว่าจะใน กทม หรือ จะเป็นที่ต่างแดนอย่างถิ่นแพนด้าเสฉวน
กทม อย่างมากก็แค่อุณหภูมิลดลง แต่หากถิ่นของแพนด้ามีหิมะตก
..
.
ชีวิตในหิมะเคยผ่านมาแล้ว มันเร็วจัง ผ่านมา 13 ปี เร็วเหมือนกระพริบตาเจียว
เสื้อคลุมชั้นนอกสีครีม ไม่หนาเท่าไร กางเกงวอร์ม 2 ตัว
เสื้อหนาๆ ที่สวมอยู่ด้านนอกและยังมีเสื้อกล้ามอีกตัวสองตัว
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ใช่ผ่านหิมะในครั้งโน้น
..
.
มาตอนนี้ สภาพของผ้านั้นยังปกติ เสื่อมสภาพก็เพียงยางยืดเท่านั้น
ไม่อยากจะซื้อใหม่ เพราะมันดูเก๋าดี หากได้นำมันมาใช้อีกที
แต่ตอนนี้รู้ว่า ระดับความสามารถในการทนหนาวของตัวเองนั้นลดลง
อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นไม่ได้รักษาระดับความร้อนในตัว มันจึงสูญเสียไปแบบไม่มีวันกลับ
..
.
ที่ว่า ไม่ได้รักษาระดับความร้อนในตัวท่ามกลางหิมะนั้นคือ ใส่ขาสั้นกับเสื้อคอกลมตัวเดียว
ใส่แค่นี้เดินลุยหิมะเล่น หากรู้สึกหนาวๆ ก็หยิบไวน์มาเพิ่มความร้อนในร่างกาย
มาตอนนี้หากถูกดีดตัวไปแบบปัจจุบันทันด่วนก็ต้องมีเสื้อให้ใช้
จึงนำเอาเสื้อผ้า กางเกงที่ยางหมดอายุไปให้ร้านเย็บผ้าแก้ทรง เสริมยางใหม่
..
.
ส่วนร่างกายนั้นไม่สามารถจะฟิตได้ เพราะติดที่โรครองช้ำ
อย่างนี้แล้ว ไปหาทางจัดการกับความเย็นเอาดาบหน้าหละกัน
แต่มันติดอยู่ที่ว่าช่วงเวลาแห่งการลงของหิมะนั้น
เป็นช่วงที่ขายดีที่สุดของที่บ้าน ยาวนานไปถึงเดือน 5 ของปีถัดไป
..
.
หากเป็นอย่างนี้ จะไปจริงๆ ก็ต้องจัดการเรื่องการค้าทางบ้านให้ดีๆ ก่อน
ขึ้นอยู่ว่า ทุกอย่างมันคือช่วงจังหวะที่ถึงเวลาไปแล้วยัง
ไม่ต้องถกเถียง แค่มองตาแล้วบอกว่า “ไปเที่ยวแล้วน่ะ” แค่นี้ก็พอ …
..
.
เข้าสู่ช่วงค้นหารูปลักษณ์ของสิ่งที่จะไปเที่ยว คราวนี้คือ ตาน-ปา
ทางเข้า 丹巴 และตัวหมู่บ้าน 丹巴- Dān ba
หากเทียบกับความสวยงามของเมืองนี้จริงๆ แล้ว ต้องดูคลิปนี้
สภาพเมืองในมุมที่ไม่อาจเข้าถึงได้ด้วยการซื้อทัวร์
..
.
ดูแล้วรู้ว่า การซื้อทัวร์ไม่อาจจะนำเสนอสิ่งสวยงามที่สุดของสถานที่นั้นๆ ได้
คิดแล้วทำให้นึกถึงการซื้อทัวร์ที่มะกัน (ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย) กล่าวคือ …
หลังจากที่มีความเหนื่อยล้า จากการขับรถข้ามฝากจากตะวันตกสู่ตะวันออกของมะกัน
เลยตัดสินไปซื้อทัวร์เที่ยวที่ น้ำตกไนเแองกาล่า เมืองนิวยอร์ก
ปรากฎว่า ในวันถัดมาต้องขับรถไปเที่ยวเองอีกรอบหนึ่ง ค่าทัวร์ก็สุดแพงระยับ ไม่คุ้มๆ
..
.
คราวนี้จะเจออะไรบ้างไม่รู้ น่าสนุกดี
วิญญาณแห่งนักเดินทางเริ่มปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากหลับไหลไปนานกว่า 13 ปี
..
.

 

อยากไปเว้ย

..
.
เฉิงตู (成都-Chengdu) คือเมืองหลวงของมณฑลเสฉวน (四川 -Sichuan)
เป็นเมืองที่ต้องผ่านก่อนจะเข้าฮั่วหลง (卧龙-Wolong)
เมืองนี้น่าตาอย่างไร ก็ต้องดูคลิปประกอบ มีทั้งหมด 5 ตอน ใน คลิปตัวเมืองเฉิงตู
..
.
เมืองที่มีความเป็นอยู่เรียบง่าย ไม่มีความกดดันอะไรมากมาย
เหมือนกับเม็ดที่ตกลงดิน ไม่ต้องอะไรมาก มันก็งอกออกเป็นต้นไม้
เมืองนี้มีความพิเศษอยู่ตรงที่มีวัฒนธรรมของชาวฮั่น มีบ้านเกิดของแพนด้า
และเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพที่งดงาม
แถมยังมีหมู่บ้านเก่าๆ ที่ยังอนุรักษณ์สภาพเดิมไว้อย่างยอดเยี่ยม
..
.
อาหารการกิน ของกินเคี้ยวเล่นมีมากมาย
เท่าที่ดูจากคลิปหากต้องการลิ้มลองอาหารทุกชนิดของเสฉวน
คงต้องใช้เวลาราว 2-3 อาทิตย์ ถึงจะหมด
..
.
การคมนาคมมี รถไฟ ขึ้นเครื่องบิน หรือนั่งรถ
อ่านดูแล้วการเดินทางดูสะดวกดี มีรถสาธารณะเข้าถึง
เว้นแต่ส่วนที่เป้นส่วนของการอนุรักษ์หรือพื้นที่ห่างไกล
หาเป็นอย่างนี้ต้องจ้างเหมารถเข้าไป ค่าจ้างราวๆ 300- 1000 หยวน
แล้วแต่ระยะทางไกลใกล้ รวมไปถึงความยากลำบากในการเข้าถึง
เช่นการไต่ทางเขา ค่าจ้างก็แพงขึ้น มีบางส่วนเข้าถึงด้วยการเดินหรือขี่ม้า ฟังแล้วสนุกดี
..
.
ค่าที่พักค้างแรมมีหลากระดับ ตั้งแต่ไปอยู่กับชาวบ้าน หรืออยู่รวมห้องแบ่งกับคนอื่น
หรือเป็นห้องส่วนตัว เอาเป็นว่ามีหลากระดับให้เลือก ส่วนระดับหรูๆ นั้น ไม่ได้อยู่ในสายตา
เพราะส่วนใหญ่การเที่ยวของตัวเองนั้น จะใช้เวลาทั้งวันให้หมดไปกับสิ่งรอบตัวมากที่สุด
มากกว่าการจะมาหมกอยู่ในห้อง หรือกล่าวสั้นๆ ว่าไว้เป็นที่ซุกหัวนอน
ตะวันโผล่ฟ้าก็ออกจากห้องแล้ว ดังนั้นส่วนนี้จึงไม่ได้ให้ความสนใจมากเท่าไร
หากเป็นการเที่ยวโดยลำพัง ส่วนราคาค่าห้องก็ต่ำกว่า 100 หยวนไปจนถึงระดับ 3-400 หยวน
..
.
巴朗山 เขาปาหลั้ง 巴朗山 ดูจากคลิปแล้ว ก็ไม่ต่างจากการเที่ยวที่มะกันเลย
แต่ความยากลำบากในการเข้าถึง ที่เมืองจีนน่าจะมีอุปสรรคมากกว่ามาก เพราะไม่มีรถส่วนตัว
..
.
四姑娘山 เขาสี่แม่นาง 四姑娘山 และ ขี่ม้าชมทิวทัศน์ ตอนหิมะตก
ขี่ม้ายามหิมะตก ไต่ยอดเขา ไต่พิชิตยอด 2 และ ปีนเขายอดแรก
ดูแล้วก็อยากไปเว้ย …
..
.

 

โชคดีหลังวิบัติ

..
.
แพนด้า คือ สมบัติอันล้ำค่าที่สุดของคนในประเทศจีน
คนจีนคนหนึ่ง สะเพร่าทะเล่อทะล่า เอาของเล่นยื่นพ้นจากรั้วแล้วเขาผลัดตกลงไป
จากนั้นแพนด้าตัวใหญ่ น้ำหนักตัวของมันราวๆ 100 กิโลกรัม มันเข้าหาและใช้ปากเล่น
แต่ผลที่เกิดกับคนคือ เนื้อที่ขาเละทั้งสองข้าง ดูจากภายนอกแล้วเหมือนแพนด้าดุร้าย
..
.
คนที่เป็นเหยื่อนั้นเป็นคนจีน ไม่ยอมที่จะตอบโต้แพนด้าแม้แต่ผลักมันออกไป
โดยเขาให้เหตุผลว่า เพราะรักและเคารพมัน ตามภาพข่าว
แม้จะโดนแพนด้ากัด คนจีนผู้โดนกัดก็ไม่ตอบโต้ เพราะรักและเคารพแพนด้ามากๆ
..
.
ส่วนอีกคลิปหนึ่ง เป็นแพนด้าน้อยที่เข้าไปจับเอาเสื้อของผู้ชม ที่ไปนั่งพิงหลังให้กับกรงแพนด้า
มันเข้ามากระชากเสื้อของคนที่นั่งนั้น สุดท้ายเมื่อได้เสื้อไปแล้ว
มันก็เอาไปเล่นอย่างสนุกสนาน ส่วนคนที่สูญเสื้อและผู้ที่เห็นเหตุการณ์ซึ่งเป็นชาวจีนทั้งหมด
ต่างตั้งวงคุยอย่างสนุกสนาน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทั้งยังหัวเราะเจ้าแพนด้าน้อยที่ซุกซนตัวนั้นด้วย ตามคลิป แพนด้าขี้เล่น ตะปบเสื้อคน …
คนที่โดนและคนดู ไม่มีใครตกใจ กลับชอบอกชอบใจกับความขี้เล่นของมัน
..
.
นี้คือความผูกพันระหว่างแพนด้ากับคนจีน ที่เห็นแพนด้าเป็นเหมือนคนในครอบครัว
และยังมีภาพข่าวอีกอันหนึ่งเกี่ยวกับวันแผ่นดินครั้งใหญ่ที่เสฉวน แพนด้าหายไปสอง
ตัวหนึ่งตายพร้อมลูกในท้องฝังอยู่ใต้กองหิน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง นั้นคือสัญญาณที่เลวร้าย
จากนั้นก็มีพิธีฝังศพแพนด้า ไม่ต่างกับการฝังคน ตัวที่ตายชื่อเหม๋าเหมา
ภาพข่าวตั้งแต่วินาทีแรก จนถึง 0.44 พิธีฝังศพแพนด้าที่ตายในวันแผ่นดินไหวที่เสฉวน
อีกตัวหนึ่งเท่าที่ตามหาจากข่าวเท่าที่ตามได้ ผลคือยังคงหายสาบสูญไร้ร่องรอย
..
.
และจากนั้นก็คือการบูรณะซ่อมแซม และยังมีอุปสรรคของการขนย้ายไปที่ใหม่
อุปสรรคของอากาศที่ร้อนไม่เหมาะกับแพนด้า
แพนด้าเกิดอาการเครียด กระสับกระส่าย การทำให้ทุกอย่างคืนสู่สภาพเดิมนั้น
ค่อยๆ เดินไปอย่างมีระบบและทันต่อเหตุการณ์
จนมีสองแพนด้าได้คลอดลูกออกมาทั้งหมด 3 ตัว (เป็นแฝดหนึ่งคู่)
จากไป 1 หายไป 1 ได้กลับมา 3 ความโชคดีที่มีมาหลังความวิบัติ
..
.

 

ของดีในฮั่วหลง (卧龙-Wolong)

..
.
ฮั่วหลง (卧龙-Wolong)
นอกจากจะเป็นที่กำเนิดของบุรุษผู้หยั่งรู้ฟ้าดินนาม ขงเบ้ง แล้ว
มันยังเป็นสถานที่ที่เป็นที่กำเนิดของแพนด้า
..
.
เจ้าแพนด้า ตาดำ หางกุด ตัวขาว พาดดำ
ความน่ารักคือสิ่งที่ชาวจีนทุกคนเรียกหา
แม้ว่าจะโดนกัดโดนข่วนบ้าง ก็ไม่มีคนจีนคนใดที่นำเรื่องนี้มาพูด
เพิ่งจะได้ยินตอนที่เข้าช่วยอพยพแพนด้าจากแผ่นดินไหวที่เสฉวน
คนงานในนั้นเขาบอกว่า เขาเจอแพนด้าตัวใหญ่ที่ทางศูนย์เลี้ยงไว้
มันยืนเกาะตาข่ายอยู่บนหลังคา อาการสั่นกลัว
คนงานรู้ว่า แพนด้าตัวใหญ่นั้น จะมีปฏิกริยาตอบสนองไปในทางดุร้าย
ไม่ว่าจะเป็นการข่วนหรือการกัด
แต่คนงานคนนั้นก็วิ่งเข้าไปอุ้มแพนด้าอย่างไม่คิดชีวิตตัวเอง …ภาพข่าว3 ตอน จาก ยูทูป
..
.
ข่าวแผ่นดินไหวที่เสฉวนกับการโยกย้ายแพนด้าสู่ที่ปลอดภัย ตอนที่ 1

ข่าวแผ่นดินไหวที่เสฉวนกับการโยกย้ายแพนด้าสู่ที่ปลอดภัย ตอนที่ 2

ข่าวแผ่นดินไหวที่เสฉวนกับการโยกย้ายแพนด้าสู่ที่ปลอดภัย ตอนที่ 3
..
.
ตอนนั้นแพนด้า หายไป 2 ตัว จนบัดนี้ ………
..
.
อีกข่าวก็บอกว่า แพนด้าตัวใหญ่หลายตัว
หลังจากมีการอพยพและช่วยเหลือแพนด้าที่ถูกดินถล่มทับ
สภาพแพนด้าที่ถูกช่วยออกมานั้น ตัวดำปี๊ด หน้าดำขมุกขมัว หมดสภาพ
หลังจากมาวัดน้ำหนักตัว ปรากฎว่า ลดลงไป 13 กิโลกรัม
คนเลี้ยงบ่นเห็นใจอย่างสุดซึ้ง ทำได้แค่ขนไม้ไผ่มาให้พวกมันกิน
ไม่รู้ว่าจะต้องขนไผ่ให้มันกินอีกกี่กิโลกรัม ถึงจะได้น้ำหนักตัวที่หายไปคืนกลับมา
(ดูภาพข่าว)
..
.
สภาพหลังแผ่นดินไหวในเสฉวน การพักฟื้นแพนด้า
บัดนี้ เลยไปหลายปี มีการการเยียวยารักษา จนน่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
ดังนั้นการ เข้าไปในดงแพนด้าเพื่อใกล้ชิดกับเจ้าสัตว์น่ารักพวกนี้
มันก็มีการเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถเข้าไปได้ …

 

จะไปไหนดี

..
.
“อย่ามาแบบลูกทุ่งอีกน่ะ ทำอะไรให้วางแผนให้เรียบร้อย”
เป็นคำพูดของคุณแม่ ก่อนที่จะมีกำหนดการเที่ยวในครั้งถัดไป
คราวนี้จะไป โดยให้ลูกคนนี้เป็นคนพาเที่ยว ไม่ต้องไปลำบากเพื่อนฝูงแม่ที่โน้น
..
.
ก็ดีเหมือนกัน ใครจะไปรู้ที่ที่ตัวเองจะไปได้ดีเท่ากับตัวเอง
เอกสารประกอบคำบรรยายได้ถูกสรรหามาจากในเน็ต
หลากหัวข้อ แต่ทั้งหมดคือ สถานที่ที่น่าท่องเที่ยวใน เสฉวน
..
.
หนังสือเล่มหนาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวด้วยตัวเองในจีนถูกเปิดอ่าน
หลายสถานที่ทุกภาคของจีน มาสะดุดหยุดลงที่…
สถานที่ที่จ้องไว้ตาเป็นมันตั้งแต่วัยรุ่นต้นๆ มาตอนนี้เข้าสู่วัยกลางๆ คนอย่างนี้
ความเป็นไปไม่ได้ในครั้งก่อนถูกกำจัดให้น้อยลง มาตอนนี้ความเป็นไปได้มีเพิ่มมากขึ้น
เมืองประวัติศาสตร์ที่สวยงามเมืองหนึ่งของจีน นาม เสฉวน หรือ ซรี่-ชรวน (四川)
..
.
ธรรมชาติที่ถูกล้อมด้วยภูเขาเลี้ยงด้วยสายน้ำ
แดนแห่งทิวไม้ไผ่ และสัตว์ที่ใครเห็นใครก็รัก อย่าง แพนด้า (熊猫)
ฮั่วหลง (卧龙-Wolong) เป็นอีกชื่อหนึ่งของขงเบ้งก่อนที่จะออกมาสู่โลกภายนอก
เขาฝังตัวอยู่ในดินแดนนี้ไม่ออกสู่โลกภายนอกเป็นเวลาหลายปี
ความเงียบสงบถูกเล่าปี่และพี่น้องร่วมสาบานที่สวนท้อ
กวนอู เตียวหุย มาเชิญให้ไปเป็นมันสมองให้กับการกู้ศักดิ์ศรีของราชวงค์ฮั่น
เล่าปี่ต้องไปเชิญถึง 3 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็น แดดออก ฝนตก หิมะลง ก็ตามที่
แค่เรื่องเล็กๆ อย่างนี้ ก็คุยกันไม่จบแล้ว สำหรับคนอ่านสามก๊ก
..
.
กาลเวลาเปลี่ยนไป สิ่งต่างๆ ย่อมเปลี่ยนแปลง
มาตอนนี้ ฮั่วหลง(卧龙-wolong)มีไว้เรียก สถานที่เพาะเลี้ยงแพนด้าตามธรรมชาติ
..
.
ฮั่วหลง (卧龙-wolong) หน้าตาประมาณนี้ ……
เห็นแล้ว คิดถึง Yellow Stone และ Jackson Hole ที่รัฐ Wyoming ของเมืองอเมริกา

จิ๊กภาพมาจากหลากหลายเวป บอกที่อยู่ไม่รู้แล้วแหละ เพราะไม่ได้ก๊อปหรือทำลิงค์ไว้เลย ……