RSS

วิถีเที่ยว

26 ต.ค.

..
.
การเดินทางในต่างแดน
ค่าใช้จ่ายที่มากที่สุดก็คงไม่พ้นค่าเครื่องบินและค่ายานพาหนะต่างๆ 
รองลงมาก็เป็นค่าที่พักและอาหาร สุดท้ายก็เป็นค่าธรรมเนียมการเที่ยวต่างๆ
..
.
ดังนั้นพอตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว ต้องไปให้ทั่ว
ไปให้คุ้มด้วยการเฉลี่ยราคาตั๋วฯ กับเวลาที่สามารถนำออกมาได้
เฉลี่ยให้เหลืออัตราส่วนต่อวันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
..
.
เนื่องจากไม่ได้เป็นคนที่มีอัตราการทำเงินต่อเวลาได้สูงมากนัก
การใช้จ่ายจึงต้องระมัดระวัง ไม่ให้เกินตัว
ไม่เกินตัวจึงต้องควบคุมตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ของตนให้ได้
ไม่ให้ตามใจอยากมากนัก
กระเบียดกระเสียดในช่วงแรกๆ แล้วปล่อยให้สบายในช่วงหลัง
..
.
เมื่อหาค่าเฉลี่ยที่ต่ำที่สุด ของวันที่ต้องใช้เที่ยวกับค่าตั๋วเครื่องบินได้แล้ว
การเที่ยวแบบยาวๆ นั้น ต้องใช้จ่ายเงินให้น้อยที่สุดเพื่อให้เหลือเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
เงินที่ใช้ให้น้อยที่สุด คือกินอยู่ให้เหมือนกับชาวเมืองในย่านนั้นๆ
ชาวเมืองกินใช้ทำอะไร เป็นอยู่อย่างไร ก็กินใช้ทำและอยู่อย่างนั้น
เป็นอยู่อย่างนั้น สั้นๆ ก็คือ ไม่มากเรื่อง
..
.
ส่วนเงินที่ต้องมีไว้เป็นสำรอง
อย่างน้อยๆ ต้องมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของราคาสินค้าและบริการที่ได้ใช้ไป
กันไว้ เผื่อเวลาไปสถานที่ที่ไม่คาดฝัน แล้วจำต้องพักกินในสถานที่ที่หรูผิดปกติ
เจอเข้าอย่างนี้ก็ต้องมีปัญญาจ่าย…
..
.
สิ่งที่ต้องระวังอย่างมากคือสุขภาพ
โดยเฉพาะการเจ็บไข้ได้ป่วย ปวดหัวตัวร้อน หากเป็นขึ้นมาหมดสนุก
ค่ารักษาพยาบาลต้องมี จะได้ไม่ต้องรักษากันตามยถากรรม
คิดภาพไม่ออกหากต้องตกอยู่สภาพอย่างนี้ในต่างแดน
..
.
สุดท้ายก็คือ การรู้จักให้รางวัลกับชีวิต ด้วยการกินของหรูๆ อาหารดีๆ สักมื้อสองมื้อ
แม้จะหรูอย่างไร ก็ต้องไม่กิน ใช้อย่างลืมตัว เงินยังต้องมีอยู่เผื่อการที่ไม่คาดฝันอีก
..
.
บัตรเครดิต ลืมไปได้เลย
เพราะมันอาจจะมีปัญหาของการติดต่อสัญญาณระหว่างธนาคารกับธนาคาร
หากเป็นอย่างนั้น รับรองปัญหาต่างเข้ามารุมแน่ๆ … เงินสดในตัว สำคัญที่สุด
เงินในตัวจะมีมากก็ไม่ได้ จะมีน้อยก็ไม่ดี อะไรๆ มันดูต้องระมัดระวังไปหมดทุกอย่าง
..
.
แต่หากถามจริงๆ ว่า นอนที่หรูนั้น ไม่ได้ปรารถนามากมายอะไรเลย
นอนไปก็เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธการนอน หากมันต้องนอน
ที่พักที่เคยพักแพงที่สุดอยู่ระดับ 200 เหรียญขึ้น
หรูเลิศในวนอุทยานของแคนนาดา (ไม่มีตัวเลือกให้เลือกเพราะมีอยู่โรงแรมเดียว)
อีกที่หนึ่ง ก็เป็นในนิวยอร์ก หาที่พักเอาตอนตะวันตกดินไปแล้ว
เลยจำต้องได้อะไรก็นอนอย่างนั้น (ตอนนั้นอัตราแลกเปลี่ยนราว42 บาทต่อเหรียญ)
..
.
นอนแล้วไม่ได้ขึ้นสวรรค์เลย
สู้การไปนั่งอยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาติไม่ได้ นอนกับดินและหญ้า
หลับตาสักตื่น หรือนั่งให้หายเมือยสักระยะหนึ่ง กับอากาศที่บริสุทธิ์
แล้วออกเดินทางต่อ หรือกลับเข้าห้องพักเพื่อ อาบน้ำ ล้างตัว เท่านั้น
..
.
ส่วนที่พักที่ห่วยที่สุดเท่าที่นอนมา
ครั้งแรกอยู่ที่ นิวเจอร์ซี่ วนหาที่พักจนถึงตีสองตีสาม
หาห้องพักไม่ได้สักห้อง จนในที่สุดได้อยู่หนึ่งห้อง เข้าไปก็ไม่รู้อะไรเป็นอะไร
ขับรถมาสิบกว่าชั่วโมง เหนื่อยแบบถึงหมอนก็หลับ ตื่นขึ้นมา มันอะไรนี้ สกปรกสุดๆ
ค่าห้องโสโครกห้องนี้ ก็ไม่ถูก 40 กว่าเหรียญต่อคืน (หลับไปไม่ถึง 6 ชั่วโมงก็ไปต่อ)
มันดีกว่าที่ต้องนอนบนรถ ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส
..
.
จบไปได้ดีสำหรับครั้งเปิดซิงความห่วยของห้องพัก
แต่ยังมีครั้งที่สอง เมื่อตอนเที่ยวเชียงใหม่
ตอนนั้นได้ค่าห้อง 200 บาทต่อคืน พอจ่ายตังค์แล้ว เข้าห้องก็เจอกลิ่นเนยเน่า
บอกให้บริกรมาทำความสะอาดก็ไม่มีคนมาทำ เปลี่ยนเครื่องนอน ล้างห้องน้ำ
ปรากฎว่าไม่มีใครมาทำ ดึกแล้วน๊า ทำอะไรไม่ได้แล้ว
นอกจากนอนแบบหลับๆ ตื่นๆ เพราะกลิ่นเนยเน่านั้น
เที่ยวมาเป็นร้อยๆ คืนพลาดไปแค่ 2 คีน
..
.
สองครั้งนี้เป็นประสบการณ์สุดซึ้งติดตรึงใจจนถึงทุกวันนี้
ประทับใจกว่าการพักในโรงแรมสองคืนในราคาคืนละหลายร้อยเหรียญนั้นอีก(ฮา)
..
.
ปล. แต่การเที่ยวรอบใหม่นี้ จะต้องพาแม่ไปออนทัวร์ด้วย
จึงต้องทำการบ้านอย่างสนุกสนาน และต้องเอาใจคุณแม่อย่างสุดฤทธิ์
ไม่งั้นเดี๋ยวแม่หน้าบึ้ง ไม่สบอารมณ์ การเที่ยวนั้นจะตกอยู่ในสภาพห่วยแตกเลย  
…. *()* ….

 

ใส่ความเห็น